LINE

ติดต่อสอบถาม ได้ที่ 074-223420 หรือ 081-5988838
LINE ID : mailaser2006

2554-03-30

แผลเป็น...ความจริงเป็นเช่นไร ตอนที่ 2

ในตอนแรก เราได้รู้จักแผลเป็นในรูปแบบต่างๆ http://mailaserclinic.blogspot.com/2011/02/1.html

การรักษาแผลเป็นแต่ละแบบ มีความแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด

แต่โดยทั่วไปจุดประสงค์สำคัญคือการทำให้

แผลเป็นมีผิวเรียบ ไม่นูนหรือบุ๋ม สีเหมือนผิวหนังปกติ มากที่สุด


การรักษา แผลเป็นคีลอยด์



  • ฉีดยาที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวจำพวก สเตรียรอยด์ หรือยาเคมีบำบัด ทำให้เซลล์คีลอยด์ฝ่อลง


  • การใช้เลเซอร์ช่วยปรับสีและทำให้ผิวเรียบขึ้นโดยการจัดเรียงคอลลาเจนใหม่ ได้แก่เลเซอร์ประเภทไอพีแอลหรือฟายสแกน และลดการเป็นซ้ำ


  • ปัญหาของการรักษาคีลอยด์ส่วนใหญ่คือการกลับเป็นซ้ำหลังรักษาไปซักระยะเนื่องจากเซลล์คีลอยด์จะกลับมาเติบโตได้อีก และอาจมีอาการคันได้ในบางบริเวณจึงต้องมีการรักษาซ้ำในบางจุด การใช้ยาเคมีบำบัดมาช่วยรักษาทำให้ผลการรักษาดีกว่าการใช้ยาสเตรียรอยด์เพียงอย่างเดียว


รูป A แผลเป็นคีลอยด์ บริเวณหน้าอก


รูป B หลังการรักษาด้วยการฉีดยาทำให้แผลเป็นชนิดนี้เรียบลง แต่จะสังเกตุเห็นได้ชัดเจนว่าสีผิวจะแดงอมชมพูกว่าผิวปกติ ดังนั้นในบางตำแหน่งจำเป็นต้องใช้แสงเลเซอร์มาช่วยรักษา


พญ. อรวิมล สุทธิศิริกุล


เอ็มเอไอ เลเซอร์คลีนิค หาดใหญ่ สงขลา

2554-03-05

สิ่งที่ควรรู้ก่อน...จะลดน้ำหนัก

หากจะลดน้ำหนัก...ต้องทานอาหารให้สมดุลย์และออกกำลังกาย ความจริงนี้เราทราบดีกันทุกคนเพราะเราเรียนสุขศึกษากันมาตั้งแต่ประถม แตในการปฎิบัติจริง คนส่วนใหญ่มากกว่า 80 % ยังมีปํญหาในการคุมน้ำหนักให้ได้ตามที่ตนเองต้องการ แสดงว่าน่าจะมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้............ต้องใช้ผลวิจัยมาช่วยแล้วละ



1. การออกกำลังกายอย่างเดียวพบว่าน้ำหนักจะลดลงน้อยมาก ต้องเปลี่ยนวิธีทานอาหารร่วมด้วยเท่านั้นน้ำหนักถึงจะลดลงได้


2. หลังอายุ 30 ปี ไปแล้ว ทุก 10 ปีการเผาผลาญอาหารในร่างกายจะลดลง 100 แคลอรีต่อวัน นั่นหมายความว่าทุกช่วงอายุที่เปลี่ยนไปเราจะมีน้ำหนักมากขึ้นประมาณ 5-10 % หากทานอาหารเท่าเดิม


3. เด็กที่อ้วนตั้งแต่เป็นทารก เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่มีแนวโน้มอ้วนง่ายและอ้วนกว่าเด็กที่มีน้ำหนักมาตรฐาน


4. ในผู้หญิงที่มีประจำเดือนไม่ปกติหรือรังไข่ทำงานไม่ปกติ มีแนวโน้มที่จะอ้วนและลดน้ำหนักได้ยากกว่าคนทั่วไป


5. คนที่น้ำหนักเกินโดยส่วนใหญ่พบปัญหาจากความเครียดและอาการซึมเศร้า หดหู่มากกว่าคนทั่วไป การจะลดน้ำหนักได้ดีและเห็นผลมักจำเป็นต้องใช้วิธีลดความเครียดเข้ามาช่วย เช่น การเข้ากลุ่มทำกิจกรรม ทำสมาธิหรือออกกำลังกาย


6. วีธีการเลือกทานอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนักในปัจจุบัน ที่นิยมกันมี 4 แบบได้แก่

· วิธีเลือกทานแต่อาหารไขมันต่ำ
· วิธีเลือกทานแต่อาหารที่มีแป้งต่ำ โปรตีนสูง [ Atkin diet ]
· วิธีเลือกทานแต่อาหารที่มีค่าน้ำตาลต่ำ [ Low glycemic index ]
· วิธีเลือกทานอาหารครบทุกหมู่แต่แคลอรี่ต่ำ

จากการทดลองพบว่าทุกวิธีช่วยลดน้ำหนักในระยะยาว (มากกว่า 1 ปี) ได้ไม่แตกต่างกัน

***การเลือกวิธีทานอาหารให้เหมาะกับตัวเองจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เพราะบางวิธีเช่น ทานแป้งน้อยมากแต่ทานโปรตีนมาก มีแนวโน้มปฎิบัติตามได้ยาก จึงพบว่าคนส่วนใหญ่มักล้มเลิกกลางคันบ่อยๆ การลดน้ำหนักจึงล้มเหลว

รอติดตาม ...การใช้ยาเพื่อช่วยลดน้ำหนัก ในตอนต่อไปค่ะ


อรวิมล สุทธิศิริกุล

เอ็มเอไอ เลเซอร์คลินิก

ดูยังไง...ว่าอ้วน


งานวิจัยล่าสุดจากญี่ปุ่นพบว่าวัยรุ่นหญิงมากกว่า 70 % รู้สึกกว่าตัวเองอ้วนและน้ำหนักเกินมาตรฐาน ซึ่งเรื่องนี้คงไม่ได้มีปัญหาเฉพาะในญี่ปุ่น น่าจะปัญหาของผู้หญิงทั่วโลกมากกว่า


ตัวชี้วัดว่า อ้วนหรือผอม ในทางการแพทย์นิยมใช้ ค่า BMI :ซึ่งคำนวณจากน้ำหนักและส่วนสูง


BMI เท่ากับ น้ำหนักตัว ( กิโลกรัม )

[ ความสูง(เมตร) ]²


ตัวอย่างเช่น คนสูง 160 ซม. น้ำหนัก 50 กิโลกรัม มี


BMI เท่ากับ 50

1.6х1.6


เท่ากับ 19.5

การแปลผลเทียบกับBMIมาตรฐาน

(BMI ที่ใช้กันในญี่ปุ่นและสิงคโปร์ได้รับการปรับให้เหมาะสมกับคนเอเชียมากขึ้น)

ประเภท

ค่า BMI

ผอมผิดปกติ

น้อยกว่า 14.9

น้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐาน

ระหว่าง 15 to 18.4

น้ำหนักปกติ

ระหว่าง 18.5 to 22.9

น้ำหนักเกินมาตรฐาน

ระหว่าง 23 to 27.5

อ้วน Obese

ระหว่าง 27.6 to 40

อ้วนมาก Morbidly Obese

มากกว่า 40

ดังนั้น หากส่วนสูง 160 ซม.

น้ำหนักตัวระหว่าง 47.3 ถึง 58.8 กิโลกรัม แสดงว่าน้ำหนักอยู่ในเกินมาตรฐาน

น้ำหนักมากกว่า 58.8 กิโลกรัม (BMI เท่ากับ 23 ) แสดงว่าน้ำหนักเกิน

น้ำหนักมากกว่า 70.6 กิโลกรัม (BMI เท่ากับ 27.6 ) แสดงว่าอ้วน.....เป็นต้น

หากใครสูงประมาณ 160 ซม.และหนักระหว่าง 58-70 กิโลกรัม จะไปว่าเค้าอ้วนไม่ได้นะค่ะ คงต้องเรียกว่า อวบมากกว่า

อรวิมล สุทธิศิริกุล

เอ็มเอไอ เลเซอร์คลินิก หาดใหญ่

www.skinlaser-hatyai.com