LINE

ติดต่อสอบถาม ได้ที่ 074-223420 หรือ 081-5988838
LINE ID : mailaser2006

2555-04-22

ใต้วงแขน ขาวใส ไร้ขน


ปัญหารักแร้ดำ ขนคุด ขนดก รูขุมขนอักเสบ เป็นตุ่ม ผิวไม่เรียบ มีกลิ่นตัว รักแร้คล้ำ สีไม่สม่ำเสมอ เป็นปัญหากวนใจสาวยุคใหม่ที่ต้องสวมเสื้อสายเดี่ยว และแขนกุดกันเป็นประจำ
กังวลไม่กล้าโชว์ผิวใต้วงแขน ยิ่งโกน ถอน รักแร้ยิ่งมีปัญหา ยิ่งทา พอก ขัด หรือแว็กซ์ ขนยิ่งดก รักแร้ยิ่งดำ กลายเป็นปัญหาระดับชาติ

เอ็มเอไอเลเซอร์คลีนิก หาดใหญ่ ขอแนะนำ โปรโมชั่นใหม่ที่ให้คุณได้ถึง 3 ต่อ

1) กำจัดขนและรอยดำอย่างถาวร 90-100% ด้วยเลเซอร์กำจัดขนรักแร้ ร่วมกับ เลเซอร์รอยดำโดยเฉพาะ จึงหมดกังวลได้ว่า ขนจะไม่หมด หรือ รักแร้จะไม่ขาว
2) แถมโปรพิเศษด้วยทรีทเมนส์รักแร้ขาวใส หน้าใสได้ รักแร้ก็ขาวใสขึ้นได้ด้วยทรีทเมนส์ที่ออกแบบมาเพื่อรักษาปัญหาพิเศษที่รักแร้ โดยเฉพาะ อีก 10 ครั้ง
3) สามารถผ่อน ได้นานถึง 6เดือน เพียงเดือนละ 5900 บาทโดยไม่ต้องมีบัตรพิเศษใดๆทั้งสิ้น (ไม่ต้องกลัวตังค์หมด หรืออดข้าว)

จัดเต็มกันไปเลย โปรดีดี มีให้ทุกเดือน ที่ " เอ็มเอไอ เลเซอร์คลีนิค " ค่ะ รับประกันคุณภาพ และความพึงพอใจเนื่องจากเราเลือกใช้แต่เลเซอร์และทรีทเมนส์ที่ได้มาตราฐานสากลเท่านั้น

ราคา: ผ่อนชำระ 5900 บาท/เดือน

2555-04-06

การฉีดโบท็อกซ์...ดี หรือ ปลอดภัยแค่ไหน ? Is it OK to Do Botox??

โบท็อกซ์....ควรหรือไม่
อันตรายไม๊ ฉีดแล้วต้องฉีดไปตลอดชีวิตหรือปล่าว
หยุดฉีดแล้วจะแย่กว่าเดิมไม๊
ระยะยาวกล้ามเนื้อจะผิดปกติหรือไม่
หน้าจะเหมือนใส่หน้ากากหรือปล่าว
อายุเท่านี้ต้องฉีดโบท็อกซ์แล้วหรือ ?
นี่คือคำถามที่ถูกถามมาตลอด ตั้งแต่หมอก้าวเข้ามาทำงานวงการความสวยความงาม
(ตอนนี้ผ่านมานานเข้าสู่ปีที่เจ็ดแล้ว)ก็พอสรุปได้ดังนี้ค่ะ
1)โบท็อกซ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดจริง และเห็นผลเร็วภายใน 1-3 วัน ยกเว้นในกรณีฉีดเพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อ เช่น ลดกรามปรับหน้าเรียว ลดขนาดน่อง ต้องรอประมาณ 2-3 สัปดาห์จึงเห็นผล
2)การฉีดโบท็อกซ์ เป็นศิลปะที่ต้องปรับให้เข้ากับลักษณะปัญหาและโครงสร้างของแต่ละคน จึงสามารถฉีดได้หลายแบบ และไม่มีกฏตายตัว
3)ควรถ่ายรูปก่อนฉีด เพราะหลายครั้งที่จุดบกพร่องบนหน้า เราไม่ได้สังเกตุเห็น เนื่องจากเรามักมองจุดที่มีปัญหามากที่สุดก่อน เมื่อฉีดโบท็อกซ์แล้ว จุดบกพร่องเดิมหายไปก็จะเห็นจุดอื่นมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น
คนไข้ต้องการลดตีนกา เมื่อฉีดหางตาแล้ว ตีนกาหายไปผิวเรียบตึง อาจจะรู้สึกว่าทำไมหว่างคิ้ว หรือใต้ตามีรอยย่นมากขึ้น (ซึ่งจริงๆแล้วมีเท่าเดิมตั้งแต่แรก)เป็นต้น
4)ปลอดภัย 100 % (แต่ต้องเป็นของแท้ที่ผ่าน อย.นะ)เนื่องจากโบท็อกซ์ถูกนำมาใช้ฉีดเพื่อลดริ้วรอยมานานมาก ดังนั้นปัญหาที่เกิดการการฉีดจึงเป็นปัญหาชั่วคราวที่เกิดจากเทคนิควิธีฉีด ซึ่งในทางปฎิบัติจริง พบว่าเกิดขึ้นน้อยมาก ถ้าศึกษาและมีประสบการณ์มากพอ
5)โบท็อกซ์ไม่ได้ทำให้หน้าแก่หรือเหี่ยวเร็วขึ้นเมื่อหยุดฉีด แต่ช่วยชลอริ้วรอยให้เกิดช้าและน้อยกว่าคนไม่ฉีด พูดง่ายๆก็คือ หยุดริ้วรอยไว้ให้เท่ากับหรือน้อยกว่าวันเริ่มฉีด ดูตัวอย่างง่ายดาราค้างฟ้าหลายคนที่หน้ายังเหมือนเดิมตั้งแต่เรายังเป็นเด็ก (ยิ้มแก้มแทบปริไม่มีตีนกาซักนิด...ใครน๊า ?? )
6)ยังไม่มีรายงานความผิดปกติใดๆต่อกล้ามเนื้อหรือใบหน้า ในคนที่ฉีดโบท็อกซ์มานานๆ
7)การฉีดโบท็อกซ์รุ่นใหม่ๆ หน้าไม่แข็งตึงเหมือนใส่หน้ากากแล้วค่ะ เพราะมีเทคนิควิธีฉีดใหม่เข้ามาเยอะ โดยเฉพาะจากเกาหลี หน้าจึงดูเป็นธรรมชาติจนดูไม่ออกเลยทีเดียวว่าฉีดโบท็อกซ์
8)อายุเท่าไหร่ควรฉีด หลังวัยรุ่นไปแล้วก็โอเคค่ะ โดยมากในคนอายุน้อยจะเป็นการลดหน้าเหลี่ยม ปรับรูปหน้า ลดน่อง ลดเหงื่อที่รักแร้ หน้าใสและกระชับรูขุมขน อายุมากขึ้นจะเป็นเรื่องของริ้วรอยมากกว่า
9)ยี่ห้อของโบท็อกซ์ หมอลองฉีดมาหลายยี่ห้อแล้วที่ผ่าน อย.ในประทศไทย มี Botox Dyspot Neuronox ประสิทธิภาพต่างกันไม่มากค่ะ ขึ้นกับปริมาณที่ฉีดมากกว่า แต่ Dyspotจะออกฤทธิ์เร็วกว่า (เริ่มเห็นในหนึ่งวัน)Botox กับ Neuronox
10)หยุดฉีดโบท็อกซ์ ริ้วรอยก็จะค่อยๆกลับมา ไม่จำเป็นต้องฉีดตลอดไปก็ได้ แต่จะทำใจได้หรือปล่าว เท่านั้นแหละ ^__^

2555-04-01

กันแดดอย่างไร...ไม่ให้เป็นกระ ฝ้า หน้าย่น

ปกติการทาครีมกันแดด ถือเป็นเรื่องธรรมดาในชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว หากไม่อยากมีฝ้า กระ มารบกวนหรือไม่อยากหน้าแก่ก่อนไว ก็จำเป็นต้องทากันแดด ไม่ว่าคุณอยู่ที่ไหน คงหนี ยูวีเอและยูวีบี ซึ่งเป็นรังสีที่มาพร้อมแดดไม่พ้น ( ยกเว้น..กลางคืนหรืออยู่ในห้องมืด)
ดังนั้นการเลือกใช้ครีมกันแดด...อย่างถูกวิธี จึงจำเป็นมาก ยิ่งหากคุณไม่ชอบ การรักษาหรือทำทรีทเมนส์ หรือแม้แต่ เลเซอร์ .....มาฟังทางนี้เลยค่ะ ข้อมูลใหม่จาก MEDSCAPE เวบข้อมูลการแพทย์จากอเมริกา ได้อ้างถึงการเลือกทาครีมกันแดดในปัจจุบันดังนี้คือ เดิมเราเชื่อว่า SPF (ค่ากันแดด)ไม่จำเป็นต้องมากกว่า 50 เนื่องจากความเข้มข้นที่มากขึ้นไม่ได้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการกันแดด แต่ไปเพิ่มความมันและการเกิดสิว และยังมีราคาแพงกว่าอีกด้วย แต่ข้อมูล ณ ปัจจุบัน เราทากันแดดกันจริงๆเพียง 25 -50% ของขนาดที่นักวิทยาศาสตร์แนะนำเท่านั้น ปริมาณที่แนะนำให้ทาคือ 2 กรัมของครีมกันแดดต่อผิว 1 ตารางซม. ซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้ที่เราจะทากันเยอะขนาดนั้น ดังนั้น....ใครจะทาครีมที่มีค่ากันแดด (SPF) มากกว่า 50 ก็ไม่แปลก และอาจจะเหมาะสมกว่า ด้วยซ้ำ หรือ หากจะกันให้ได้ดีกว่านั้น ต้องนี่เลยค่ะ หมวกกันแดดรุ่นพิเศษที่ผลิตมาช่วยกันรังสียูวี เมืองไทยมีขายหรือยังน๊า..อยากได้บ้างเอาไว้ไปเที่ยวทะเล แต่ชาวบ้านเค้าจะตกใจรึปล่าวนะ......555 ^___^