การเกิดแผลเป็นเกิดตามหลังการบาดเจ็บที่ผิวหนังจากสาเหตุใดก็ได้แล้วไปการกระตุ้นกระบวณการซ่อมแซมผิว โดยปกติการซ่อมแซมนี้ร่างกายเราพยายามจะซ่อมผิวให้เหมือนเดิมมากที่สุด แต่ความเป็นจริงคือผิวหนังส่วนที่มีแผลเป็นจะมีความแข็งแรงเพียง 70-80 % ของผิวหนังปกติ
หากการซ่อมแซมผิวไม่ได้เกิดตามกระบวนการที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่ไม่น่าดูขึ้น รวมถึงในบางคนอาจมีอาการคัน ชา หรือเจ็บเป็นครั้งคราวร่วมบริเวณแผลเป็นด้วย
ชนิดของแผลเป็นที่พบบ่อย
1) แผลเป็นคีลอยด์ ( Keloids)
เป็นแผลเป็นนูนแข็ง สีชมพูถึงแดงเข้ม ขยายใหญ่ออกนอกแนวแผลเดิมได้ และมักไม่หดเล็กลง พบได้ในคนผิวคล้ำมากกว่าผิวขาว
2) แผลเป็นนูน (Hypertrophic scar)
แผลเป็นชนิดนี้ดูเผินๆคล้ายกับแผลเป็นคีลอยด์ แต่จะนูนน้อยกว่าและแผลจะไม่ขยายออกนอกรอยแผลเดิม
3) แผลเป็นชนิดบุ๋ม (Atrophic scar)
เกิดจากการยุบตัวของชั้นหนังแท้ พบบ่อยที่สุดบนผิวหน้าจากปัญหาสิวอักเสบ
4) รอยแตกลาย (Striae or Stretch marks )
รอยแตกลาย จัดเป็นรอยแผลเป็นบนผิวหนังอีกชนิดหนึ่งที่มีลักษณะพิเศษคือเป็นเส้นยาวเกิดจากการอักเสบของชั้นหนังแท้เมื่อผิวมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยมีสีชมพูในช่วงแรกและกลายเป็นรอยสีขาวในที่สุด
การรักษา
ในปัจจุปันการรักษาแผลเป็น สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นกับลักษณะของแผลเป็น ซึ่งวิธีการรักษาก็จะมีความแตกต่างกัน การใช้เลเซอร์ช่วยในการรักษาเป็นที่นิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นวธีที่เห็นผลมากที่สุดนั่นเอง
อรวิมล สุทธิศิริกุล
ขอบคุณรูปและข้อมูลจาก E-medicine : Laser Revision of Scar : Keyvan Nouri, MD
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น