LINE

ติดต่อสอบถาม ได้ที่ 074-223420 หรือ 081-5988838
LINE ID : mailaser2006

2557-10-01

สิวอุดตัน # ปัญหาที่พบบ่อยๆ

สิวอุดตันเป็นปัญหาโรคผิวหนังพบได้บ่อยที่สุด และพบได้กับทุกเพศทุกวัย สิวอุดตันที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปมักเป็นบริเวณหน้าผาก และคาง ต่างจากสิวอุดตันที่เกิดจากการใช้เครื่องสำอาง ซึ่งมักจะเกิดบริเวณแก้ม 


สิวอุดตันแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ ได้ดังนี้

1.สิวหัวเปิด หรือสิวหัวดำ (Open comedones

เป็นสิวอุดตันที่เห็นเป็นจุดเล็กๆ สีดำเกิดจากการวมกันของเม็ดสีเมลานินกับสิ่งสกปรกที่อุดตันในรูขุมขน



2.สิวหัวปิด หรือสิวหัวขาว (Closed comedones

เป็นสิวอุดตันที่มีหัวเป็นสีขาวนูน เนื่องจากรูขุมขนถูกปิดจนสนิท   



สิวอุดตันทั้งสองประเภทมักมีขนาด 1-2 มิลลิเมตร แต่บางครั้งอาจเริ่มต้นเป็นสิวขนาดจิ๋ว (micro comedones) ซึ่งเล็กมากมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ไปจนถึงสิวอุดตันขนาดใหญ่ 


สุดท้ายคือสิวอุดตัน ที่พบบ่อยในคนสูงอายุ เนื่องจากผิวหนังถูกทำลายจากแสงแดด (Solar comedones



​การเกิดสิวอุดตันเป็นปัญหาโดยตรงของต่อมไขมันและท่อไขมันที่เปิดออกสู่รูขุมขน โดยมีการกระตุ้นจากสาเหตุเหล่านี้

- การทำงานที่ไม่สมดุลย์ของฮอร์โมนเพศชาย หรือ เทสโทสเทอโรน ซึ่งสร้างจากรังไข่ในผู้หญิง และลูกอัณฑะในเพศชาย
แบคทีเรียที่อาศัยบนผิวหนังสร้างกรดไขมันเพิ่มขึ้น
ผิวบวมน้ำจากภาวะมีประจำเดือน หรือจากใช้ครีมบำรุงมากเกินไป
- ผิวหนังสัมผัสกับสารเคมีบางชนิด เช่น น้ำมัน และสีบางชนิดที่ผสมมาในเครื่องสำอาง
การสูบบุหรี่
การรับประทานอาหารจำพวกนมหรือ อาหารที่มีน้ำตาลและไขมันสูง
การกระตุ้นผิวมากเกินไป บ่อยครั้งที่ทำให้เกิดสิวอุดตัน ไม่ว่าจะเป็นการบีบสิว ขัดหน้า ลอกหน้า นวดหน้า หรือแม้แต่การทำเลซอร์ สามารถทำใ้เกิดสิวอุดตันแบบชั่วคราวได้ 

การรักษาสิวอุดตัน

การรักษาจำเป็นต้องทำต่อเนื่องและต้องใช้เวลา เพราะสิวอุดตันส่วนใหญ่มักจะกลับมามีอาการได้อีก หากเรายังไม่ยอมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการดูแลผิว

การดูแลเบื้องต้น แบบง่ายๆ ได้แก่

ล้างหน้าให้สะอาดประมาณ 2 ครั้ง ต่อวัน การล้างหน้าขึ้นกับเครื่องสำอางที่ใช้ หากมีการใช้เครื่องสำอางหลากหลายชนิด การล้างหน้าด้วยสบู่อ่อน และน้ำอาจไม่เพียงพอ
เลือกเครื่องสำอาง เป็นหัวใจของการดูแลผิว หากคุณเมีผิวมันเป็นสิวง่าย เครื่องสำอางที่ใช้ควรเป็นชนิดไม่มีน้ำมัน และไม่กระตุ้นการเกิดคอมีโดน หรือ สิวอุดตัน (เครื่องสำอางประเภทนี้จะมีคำกำกับไว้ว่า oil-free และ no comedogenic เป็นต้น)
ทายาหรือผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยในการละลายสิว เช่น กรดวิตามินเอ กรดซาลิไซลิก กรดผลไม้ และเบนโซอิล เปอร์ออกไซด์ หรือ BP
- การรักษาโดยยารับประทานเหมาะกับในคนที่มีสิวอุดตันจำนวนมาก หรือสิวอักเสบร่วมด้วย ยาที่ใช้คือยาคุมกำเนิด หรือยารักษาสิว isotretinoin

ในกรณีที่สิวอุดตัน ไม่ดีขึ้นหลังการดูแลด้วยวิธีเบื้องต้น จำเป็นต้องใช้วิธีการต่อไปนี้ร่วมด้วย
-การกดสิว

-การกรอผิวด้วยวิธีต่างๆ

-การลอกผิวด้วยกรด

-การเจาะเปิดหัวสิวด้วยเข็ม เครื่องจี้ไฟฟ้า หรือเลเซอร์

 


การรักษาด้วยเลเซอร์มีข้อดีเหนือการจี้ด้วยไฟฟ้า หรือ เข็มคือ แผลเล็ก ผิวบอบช้ำน้อยกว่า ไม่มีเลือดออก และเกิดดำหรือปัญหาหลังการรักษาน้อยกว่าจึงเหมาะกับคนเอเชีย ซึ่งมีผิวคล้ำ
ข้อเสียคือเลเซอร์ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีอื่น จึงมักเลือกทำเมื่อจำเป็น


สิว / สิวอุดตัน / สิวอักเสบ / สิวหัวช้าง / สิวหัวดำ / สิวหัวขาว /สิวเสี้ยน / สิวฮอร์โมน / การรักษาสิว / คลีนิกรักษาสิว / ผลิตภัณฑ์รักษาสิว /เลเซอร์สิว / รอยแดง / รอยดำ / รอยสิว / หลุมสิว / แผลเป็นสิว / ผิวมัน / สิวเครื่องสำอาง / เลือกเครื่องสำอางสำหรับผิวเป็นสิว / ผิวแพ้ง่าย / กรดวิตามินเอ / ยารักษาสิว 

 

2557-09-23

ไอพีแอล กับโรคผิวหนัง :ได้ผลดีแค่ไหน IPL in Asian : GOOD ??

  ไอพีแอล ย่อมาจาก Intense pulsed light หรือ " IPL " 

เป็นคำที่คนที่รักสวยรักงามรู้จักกันมานาน เนื่องจากเป็นเครื่องมือในกลุ่มรักษาโรคของผิวพรรณที่มีใช้เป็นรุ่นแรกๆ
ในโลก รวมทั้งไทยเราด้วย ทำให้เลเซอร์ประเภทนี้เป็นเครื่องมือที่น่าจะมีทุกคลีนิกผิวพรรณ
ไอพีแอลไม่ใช่เลเซอร์แต่เป็นพลังงานแสง( ต่างกันนะ) ที่สว่างจ้ามาก ถูกออกแบบมาให้ทำงานกับผิวหนังโดยทำให้
เกิดความร้อนขึ้น จนเซลล์ถูกทำลายโดย เฉพาะ"เม็ดเลือดแดงในเส้นเลือด "รองลงมาเป็น "เม็ดสี"ซึ่งรวมไปถึงเม็ดสีที่รากขน    ทำให้ไอพีแอลบางรุ่นสามารถ" กำจัดขน " ได้ แต่ความสามารถของ ไอพีแอลแต่ละเครื่องนั้น ไม่ได้เท่ากันหมด
ผลการรักษาจึงมีความแตกต่างกันมากอย่างที่รู้ๆกัน


ไอพีแอลใช้รักษาโรคบนผิวหนังได้หลายโรคแต่มักจะเป็น รอยโรคบน ผิวชั้นตื้นๆ ไม่ลึกมากและไม่ต้องการความร้อนสูงนัก
(ถ้าความร้อนสูงจะลงได้ลึกแต่ก็เสื่องต่อการเกิด"ผิวชั้นบนไหม้" โดยเฉพาะ คนผิวคล้ำ )
ไอพีแอลที่มีความละเอียดสูง ทำให้พลังงานที่ออกมาคงที่และรวดเร็ว ก็จะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ดังนั้นเวลารักษาด้วยไอพีแอล จำเป็นจะต้องปิดให้สนิท และต้องมีเจลเย็นมาช่วยเป็นสื่อกลางรวมถึงช่วยลดความร้อนและความเจ็บ
"เจ็บ แค่ไหน"  
ความรู้สึกขณะทำไอพีแอล คล้ายหนังสติ๊กดีดเบาๆ แต่ถ้ากรณีกำจัดขนก็จะแรงนิดนึง ไอพีแอลพอจะกำจัดขนแข็งได้ แต่ขนอ่อนจะไม่ค่อยดีนักเนื่องจากสีที่อ่อนเกินไปทำให้ไม่ตอบสนองกับแสงนัก


กระ กระแดด ฝ้าตื้นๆ ขี้แมลงวันจุดเล็ก จะตอบสนองกับการรักษาได้ดี โดยไอพีแอลทำให้โรคตกสะเก็ดบางๆแล้วหลุดออก
แต่จำเป็นต้องตั้งค่าพลังงานให้ถูกต้อง ไม่งั้นจะเบาไปไม่หลุดออก หรือร้อนเกินไปจนเกิดแผลแบบน้ำร้อนลวก
โดยมากต้องทำ 4-6 ครั้ง ห่างกัน 2-4 สัปดาห์  
รอยโรคอื่นๆ ในชั้นลึก จะไม่ได้ผล เช่น ไฝ ฝ้าลึก ปานดำ กระลึก
ส่วนปานแดงถ้าขนาดไม่ใหญ่นัก และไม่ลึก จะพอรักษาได้แต่ผลจะไม่ดีเท่ากับเลเซอร์รักษาเส้นเลือดโดยตรง
ในคนที่ผิวมีริ้วรอยไม่มาก รูขุมขนกว้าง สีผิวไม่สม่ำเสมอ ไอพีแอลก็จะทำให้ปัญหาเหล่านี้ดีขึ้นไปด้วย 
ดังนั้นในคนผิวขาวที่มีปัญหาผิวไม่มากนัก การทำไอพีแอลก็ไปทางออกที่ดีในการช่วยฟื้นฟูสภาพผิว หรือที่เลือกว่าการรีจู Rejuvenation นั่นเอง

 
ด้านบนเป็นตัวอย่างงานวิจัย"การใช้ไอพีแอลเพื่อรักษาและฟื้นฟูผิวในคนผิวคล้ำ ในประเทศอินเดีย" ซึ่งคนโดยส่วนใหญ่ผิวคล้ำมาก เหมือนภาคใต้ของเรา จะเห็นได้ว่า  ไอพีแอลในคนผิวคล้ำก็มีประโยชน์ไม่น้อยไม่ว่าจะเป็นการรักษาฝ้าบางประเภท(เท่านั้นนะ)
รอยดำตามหลังโรคต่างๆเช่น รอยดำสิว  รอยดำหลังโรคผิวหนังอักเสบอื่นๆ แพ้ยา ผื่นแพ้ผิวหนัง รักษาสิว กระชับรูขุมขน ปรับสีผิวให้ขาวขึ้น 


สุดท้าย ไอพีแอลยังเหมาะกับโรคหน้าแดงทั้งหลาย จำพวก เส้นเลือดฝอยใต้ผิว หน้าบางจากการใช้ยาสเตรียรอยด์ โรคโรซาเซีย Rosacea ที่หน้าแดงและมีสิวฝดร่วมกัน นอกจากนี้ยังช่วยรักษาโรคเซ็บเดริมส์  หรือ seborrhaic dermatitis  ซึ่งมักมีอาการแดงลอก บริเวณข้างจมูก คิ้ว ไรผม อีกด้วย

Thanks for professional pics and information :
Restormedicalspa.com
Skinfitmedspa.com
Use of intense pulsed light (IPL) in Indian skin types / Dr.Maya Vedamurthy
www.Plasmalitelaser.com

2557-06-03

แนวทางการรักษาและดูแลฝ้า 2014

แนวทางการรักษาและดูแลฝ้า 2014

ฝ้า รอยดำบนผิวหน้าที่เกิดขึ้นง่ายแต่หายยาก
รอยดำจากฝ้าที่เราเห็นนั้น เกิดจากกลุ่มของเม็ดสีที่เซลล์สีผิวของเราสร้างขึ้นมามากผิดปกติ
ในธรรมชาติ เซลล์เม็ดสีของเราจะสร้างเซลล์สีออกมาทำให้เห็นเป็นสีผิวขาว เหลืองหรือคล้ำ ขึ้นกับ
เชื้อชาติ  เมื่อถูกกระตุ้นก็จะสร้างสีออกมามากผิดปกติ เป็นเปื้อนสีเข้มกว่าผิวปกติ
ฝ้า รอยดำ แสงแดด
ฝ้า รอยดำที่กระจายตัวเหมือนแผนที่ มักเป็นสองด้านของใบหน้าเท่าๆกัน
ฝ้าแบ่งออกเป็น 4 ประเภท


1.ฝ้าตื้น   Epidermal melasma
2.ฝ้าลึก     Dermal melasma
3.ฝ้าผสม     Mixed type melasma คือพบทั้งฝ้าลึกและฝ้าตื้นอยู่ด้วยกัน
4.ฝ้าแฝง  เป็นฝ้าที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า  Wood's light inapparent melasma 

ฝ้าผสม พบ เม็ดสีอยู่ในชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้

ตัวกระตุ้นให้เกิดฝ้าได้แก่

  • แสงแดด โดยเฉพาะ UVA
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศหญิง ทั้งที่มีเป็นธรรมชาติ  เช่นในภาวะตั้งครรภ์ หรือ ได้รับฮอร์โมนเพศหญิงจากภายนอก เช่น ยาคุมกำเนิด ฮอร์โมนทดแทนในวัยทอง หรือมากับอาหารหรืออาหารเสริมบางอย่าง เช่น ว่านชักมดลูก  กวาวเครือ เป็นต้น
  • พันธุกรรม พบว่า มักพบฝ้าได้หลายคนในครอบครัวเดียวกัน
  • โรคบางอย่างที่เกี่ยวเนื่องกับฮอร์โมนร่างกาย เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ
แนวทางการรักษาฝ้า ในปัจจุบันล่าสุด 2014 
  • ทาครีมหรือยาที่มีส่วนผสมที่ช่วยทำลายเม็ดสี หรือ ยับยั้งการสร้างเซลล์สี เป็นพื้นฐานที่สำคัญมากในการรักษา การเลือกใช้ยาหรือไวน์เทนนิ่ง ขึ้นกับสภาพผิว รอยโรค (ฝ้า) การตอบสนองของเม็ดสี และมักต้องใช้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ยาหลายชนิดต้องใช้ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น
  • ทาครีมกันแดด ที่มีค่า SPF มากกว่า 30 และต้องใช้สม่ำเสมอทุกวันแม้อยู่ในที่ร่มก็ตาม
  • หลีกเลี่ยงแสงแดด ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากจำเป็นควรสวมอุปกรณ์ป้องกันแดด เช่นหมวก ร่ม หรือ ผ้าปิดหน้า
  • งดหรือหลีกเลี่ยงยาคุมกำเนิด ฮอร์โมน หรือ อาหารเสริมบางชนิด
  • การทำทรีทเมนส์  ควรเป็นทรีทเมนส์ประเภทที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกออก เป็นการช่วยขจัดเม็ดสีส่วนเกินออกไปได้เร็วขึ้น อาทิเช่น การผลัดผิวด้วยกรดชนิดต่างๆ  การทำกรอผิวด้วยเกร็ดอัญมณี  ทั้งการผลัดผิว หรือกรอผิว ควรทำโดยผุ้ที่มีความชำนาญเนื่องจากอาจทำให้เกิดผลเสียตามมา เช่น ผิวบาง ระคายเคืองง่าย รอยฝ้าดำขึ้นมากกว่าเดิม หรือมีการอักเสบของผิว เกิดรอยด่างขาว หรือ ด่างถาวร 
  • การรักษาด้วยแสง หรือ เลเซอร์   เลือกทำในรายที่เป็น "ฝ้าลึก" หายยาก ไม่ค่อยตอบสนองกับการใช้ยาหรือการดูแลวิธีอื่น ในคนเอเชียรวมถึงคนไทยพบ ฝ้าผสม (ตื้นและลึก)  ได้ประมาณ 60-80% และการศึกษาในปัจจุบันยังพบว่าในคนที่เป็นฝ้าจะมีการขยายตัวของหลอดเลือดฝอย ทำให้ฝ้าจางหายได้ยากขึ้นจากการใช้ยาเพียงอย่างเดียว
เลเซอร์ที่ใช้รักษาฝ้าได้ในปัจจุบัน ได้แก่
  • ไอพีแอล IPL หรือ แสงความเข้มสูง ใช้ในการช่วยทำให้ฝ้าจางได้เร็วขึ้นแต่มักไม่ถาวร และต้องทำในที่ที่เชื่อถือได้เท่านั้น เพราะ ไอพีแอลทำให้เกิดปัญหาผิวไหม้ หน้าลอก และรอยดำรักษายากขึ้นได้
  • เลเซอร์แย็ค ชนิด คิวสวิทย์ เอ็นดี แย็ค Q-switch ND : Yag 1064 เป็นเลเซอร์ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อช่วยในการทำลายเม็ดสีโดยเฉพาะ ด้วยลักษณะพิเศษของลำแสงที่ถูกออกแบบให้เรียบเป็นเส้นตรง จึงช่วยเกลี่ยทำลายเม็ดสีได้โดยไม่เกิดความร้อนสูงจนเกิดปัญหาผิวไหม้ เรียกว่า การทำเลเซอร์โทนนิ่ง " Laser Toning 
ฝ้าและคำแนะนำการทำเลเซอร์ด้วยเครื่อง Spectra VRM III จากประเทศเกาหลี
ซึ่งปัจจุบันเป็นเลเซอร์ที่ได้รับการยอบรับเพื่อรักษาฝ้าที่รักษาได้ยาก

เลเซอร์ สเปกตร้า วีอาร์เอ็ม เพื่อรักษาฝ้า
  • เลเซอร์กลุ่มแฟรกชันนอล Fractional laser   อาทิเช่น Frexel หรือ Finescan 1550 ทำลายเม็ดสีโดยการทำลายให้หลุดลอกออกไป เป็นการลดจำนวนเม็ดสีรวมถึงเซลล์สี ช่วยในการควบคุมการเกิดใหม่ของฝ้าได้ดี
    ตัวอย่างการทำเลเซอร์ฟายแสกน
  • เลเซอร์กลุ่มที่ช่วยลดขนาดและทำลายเส้นเลือดฝอย   
ตัวอย่างเลเซอร์กลุ่มรักษาเส้นเลือดฝอย

ภาพการตรวจพิเศษพิสูจน์ให้เห็นเส้นเลือดฝอยจำนวนมากในบริเวณที่เกิดฝ้า
เช่นเลเซอร์ในกลุ่ม Long pulse ND : Yag :ซึ่งช่วยให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวตีบเล็กลง ฝ้าจางและไวต่อแสงแดดน้อยลง เป็นเทคนิคที่เรียกว่า Dual Toning ซึ่งนิยมกันมากในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี  พบว่าช่วยดูแลและป้องกันการกลับเป็นซ้ำของฝ้าได้ดี




2557-05-21

การเปลี่ยนแปลงของใบหน้า ความจริงที่ยากปฏิเสธ

aging skin, sagging face,Filler, ฟิลเลอร์,คอลลาเจน,หย่อนคล้อย

การหย่อนคล้อยหรือเสื่อมของผิวบนใบหน้าตามวัย ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ทุกเชื้อชาติ
มีลักษณะตามภาพจากหนังสือ "Aesthetics and Cosmetic surgery for Darker skin types " เขียนโดย " Pearl D. Grimes  " 
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจากปัจจัยภายในร่างกายของเราเอง ไม่ได้รวมปัจจัยภายนอกที่ทำให้เกิดความเสื่อมได้เร็วขึ้น เช่น แสงแดด ความเครียด มลภาวะ

การเปลี่ยนแปลงหรือ การหย่อนคล้อย แบ่งตามโครงสร้างของใบหน้าจากหน้าผากจรดคาง เป็นสามส่วน ด้งนี้
  • ส่วนบน เกิด ร่องลึกเหนือคิ้ว หนังตาตก คิ้วตก ขมับตอบลึก
  • ส่วนกลาง เกิด ร่องใต้ตาลึก ถุงใต้ตา ร่องแก้มลึก และการงุ้มลงของปลายจมูก
  • ส่วนล่างสุดของใบหน้า เกิด มุมปากตก แก้มหย่อนยาน ( jowl) 


บทความสื่อการสอนสำหรับแพทย์ด้านความงามและชลอวัยโดยยเฉพาะ ใน MedScape .com ซึ่งบรรยายโดยแพทย์ชื่อดังในอเมริกา
ได้ให้ข้อมูลภาพที่น่าสนใจและมีประโยชน์มากในด้านการชลอวัย และ ช่วยให้เราเข้าใจกลไกที่เกิดขึ้นรวมถึง เคล็ดลับในการรักษาโดยมีหลักอยู่ที่ " ความสวยเป็นธรรมชาติ " 
เคล็ดลับความงามที่เป็นอมตะนี้ได้ถูกยกมาเปรียบเทียบระหว่างราชินีของอียิปต์ "เนเฟอติตี " กับ ราชินีเพลงป็อป " มาดอนน่า " แม้เวลาผ่านมากว่าสามพันปี สัดส่วนของใบหน้าที่ดูสวย เยาว์วัย และเป็น " อมตะตลอดกาล" คือ คางแหลมเรียว โหนกแก้มสูง จมูกเล็กเป็นสันตรง คิ้วได้รูป ริมฝีปากอิ่มและสุดท้ายคือ ดวงตากลมโต



นอกจากนี้ความงามตามแบบนิยม (สไตล์ตะวันตก ) สามารถเห็นได้จากดาราชื่อดังในฮอลลีวู้ด อเมริกา เช่น
  • คิ้วโก่ง แบบ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ 
  • ตาโตและแก้มนูนสวยแบบมาดอนน่า 
  • จมูกโด่งตรงเรียวและปากอิ่มเหมือนแองเจลิน่า โจลี่
  • สุดท้ายคือมีคางเหลี่ยม (นิดหน่อย) ไม่มีไขมันแบบ เดมี่ มัวร์ 

ซึ่งดาราเหล่านี้คือต้นแบบในการปรับแต่งใบหน้าในอเมริกา ก็คงน่าจะเหมือนคนไทยที่ อยากมีหน้าผากนูน ปากเล็กๆเหมือนอั้ม พัชราภา หรือ คางเรียวกับจมูกงอนๆเหมือน เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ
( ในเมืองไทยจะนิยมความสวยแบบเกาหลีมากกว่า ซึ่งเป็นต้นแบบความงามแบบตะวันออก จึงอาจต่างกันเล็กน้อย ) 


ดังนั้นในทางการแพทย์จึงต้องมีการคิดค้น "การแบ่งสัดส่วนของใบหน้า " เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเมื่อทำการรักษา หรือ เปลี่ยแปลงแก้ไขใบหน้าแล้ว ผลควรต้องออกมาสวยค่อนข้างแน่นอน
รูปบนเป็นการแบ่งสัดส่วนของใบหน้า ที่ง่ายและเป็นที่นิยมมากสุด คือการแบ่ง แนวตั้งเป็นห้าส่วน แนวนอนเป็นสามส่วน เท่าๆกัน


ภาพบนคือตัวอย่างง่ายๆให้เห็นว่าจะเปลี่ยนชายหนุ่มหน้าตาธรรมดาๆ ให้กลายเป็น " หล่อขั้นเทพ " ได้โดยการเปลี่ยนให้ใบหน้า
ได้สัดส่วนขึ้นตามสูตร ด้านบนนั่นเอง


กลับมาสู่หัวข้อเดิม แล้วเราจะ " ชลอวัย" หรือคืนความ "อ่อนเยาว์ " ให้แก่ใบหน้าได้อย่างไร ???
คำตอบคือ ทำตามหลักธรรมชาติ หรือ หลักอมตะตลอดกาล ที่กล่าวมาข้างต้น นั่นเอง โดยมองให้เห็นส่วนที่มีปัญหาและแก้ไขอย่างตรงจุด แล้ว " ความสวยแบบยั่งยืน " คงไม่ใช่เรื่องยาก 

ดูรูปด้านบน แล้ว ทายซิว่า อะไรเปลี่ยนไป .......


2557-05-05

ร่องแก้มลึกเกิดจากอะไร "Why we have naso-labial fold or smile lines"


ใบหน้าที่สวยสมบูรณ์แบบและดูเด็กตลอดเวลาคืิอความต้องการของทุกคน
สังเกตุบริเวณโครงสร้างหน้าของนางแบบระดับโลกพบว่า
จะไม่มีรอยลึกใต้กระบอกตาและไม่มีร่องแก้ม
โหนกแก้มเด่น และ กลมกลืนกับจมูก ปาก และคาง

รูปภาพแสดงการเปลี่ยนแปลงของร่องแก้มเมื่อเวลาผ่านไป

สาเหตุการเกิดร่องแก้ม ส่วนใหญ่เกิดจาก
  1. ผิวหนังหย่อนยานลงจากการขาดคอลลาเจน
  2. ไขมันบริเวณแก้มเคลื่อนตัวลง เป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก
  3. การแสดงสีหน้าอารมณ์มากๆ อาทิเช่น ยิ้ม หรือ หัวเราะ
  4. พันธุกรรมที่มีโครงสร้างของร่องลึกบริเวณแก้ม ตั้งแต่อายุน้อยๆ
  5. การถอนฟัน หรือ การจัดฟันที่ทำให้กระดูกกรามบนเล็กลง
    การแก้ไขสามารถทำได้หลายวิธี เดิมมักเป็นเรื่องของการผ่าตัดเป็นหลัก 
แต่บัจจุบัน มีการผลิตคอลลาเจนซึ่งเลียนแบบ คอลลาเจนใต้ผิวตามธรรมชาติของมนุษย์ ใช้เพื่อเติมเข้าสู่จุดที่มีปัญหา เรียกว่า " FILLER " ชนิดที่นิยมใช้และปลอดภัยที่สุดในปัจจุบัน คือ ชนิดที่เรียกว่า  HA  หรือ ไฮยารูโรนิก

ข้อดีของ ฟิลเลอร์ FILLER ชนิด HA คือ เป็นสารที่เติมเต็มได้โดยไม่ก่อให้เกิดการแพ้ จึงไม่จำเป็นต้องทดสอบการแพ้ก่อนฉีด
มีความนิ่มนวลเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเป็นก้อน
กรณีที่ไม่สวย หรือ เติมมากเกินไป สามารถทำลายได้โดยตัวละลาย
อายุของ HA ขึ้นอยู่กับชนิดและความหนาแน่น โดยส่วนใหญ่อยู่ได้ 6-18 เดือน 



การเติมเต็มร่องแก้มทำได้หลายเทคนิค โดยต้องปรับให้เข้ากับรูปหน้า โหนกแก้ม จมูก ปาก ของคนไข้เป็นสำคัญ
ตามวิดิโอจะเป็นการเติม ฟิลเลอร์แบบใช้เข็มทู่ ซึ่งมีข้อดีคือ เจ็บน้อย ไม่ค่อยมีรอยช้ำ ทำให้เส้นลึกที่ผิวหนังจางลง หรือหายไป และไม่ทำอันตรายต่อเส้นเลือดข้างเคียง

2557-04-11

รอยแดงบนใบหน้า

รอยแดงบนใบหน้า

รอยแดงบนหน้าที่พบบ่อยๆเกิดได้หลายสาเหตุได้แก่ 

  • รอยแดงจากสิว รอยแดงมักเกิดชึ้นตั้งแต่เริ่มเป็นสิวจนแม้แต่สิวหายแล้ว บางคนรอยแดงส่วนใหญ่ยังคงอยู่
  • เส้นเลือดฝอยขยายตัว มักเป็นจากพันธุกรรม การดื่มสุรา การใช้ยาบางประเภท เช่น ยากลุ่มสเตียรอยด์ เป็นต้น
  • ปานแดง โดยมากมักเป็นแต่กำเนิด ขยายขนาดขึ้นเมื่ิอมีการเจริญเติบโต
  • รอยแดงจากโรคผิวหนังบางอย่าง เช่น โรคเซบเดิมส์ ทำให้เกิดรอยแดงป็นหย่อมๆพบบ่อยที่ปีกจมูก หว่างคิ้ว แก้ม
รอยแดงหลังการรักษาด้วย เลเซอร์
ติดต่อขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

www.skinlaser-hatyai.com
หรือ
www.facebook.com/mailaser


รอยแดงบนใบหน้า ที่พบบ่อยๆ

การรักษาที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันคือการทำเลเซอร์ เนื่องจากผลการรักษาดีที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีอื่นๆ
เลเซอร์ที่ใช้รักษารอยแดง ต้องเป็นเลเซอร์ที่ออกฤทธิ์โดยตรงกับเม็ดเลือดแดงที่อยู่ในเส้นเลือด และมีพลังงานสูงพอที่ทำให้เส้นเลือดตีบเล็กลง  
เลเซอร์ในกลุ่มนี้ได้แก่ ไอพีแอล IPL บางชนิด
                                        เลเซอร์แย็ค ชนิด Long Pulse ND YAG
                                        เลเซอร์ กลุ่ม Pulse Dye
                                        เป็นต้น

2557-04-08

เติมเต็มริมฝีปากด้วยสารเติมเต็ม HA เป็นอย่างไร ??

ติดต่อ หรือ ขอคำแนะนำเพิ่มเติม ได้ที่ https://www.facebook.com/mailaser


การปรับแต่งริมฝีปากให้สวยขึ้น
นอกจากการผ่าตัดแล้ว ยังสามารถทำได้โดยการเติมสารเติมเต็มชนิด HA หรือ ไฮยารูโรนิก แอซิด เข้าไปช่วยทำให้ริมฝีปากได้รูปมากขึ้น ซึ่ง HA เป็นฟิลเลอร์ FILLER หรือสารเติมเต็มชนิดเดียวที่ผ่านการรับรองโดย FDA  ( อย.) ของอเมริกาว่าปลอดภัย ใช้กับริมฝีปากได้

เทคนิคการเติมเต็มริมฝีปาก
โดยมากนิยมเติมบริเวณขอบปากเป็นอันดับแรก ซึ่งริมฝีปากที่ดูสวยเป็นธรรมชาติ และดูอ่อนเยาว์นั้นต้องมีขอบริมฝีปากที่คมชัด และเห็นเป็นเงาแวววาวเวลาถ่ายรูป ซึ่งเราสังเกตุเห็นได้ชัดในดาราดังๆ หลายคน  ยกตัวอย่างเช่น แองเจลิน่า โจอี้

 

การเติมเต็มริมฝีปาก ส่วนถัดไปคือ กลางริมฝีปากเพื่อดูอวบอิ่มและหนาขึ้น ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ริมฝีปากบาง มีร่องลึกรอบปากหรือบนริมฝีปาก ริมฝีปากไม่สมดุลย์ หรือใหญ่-เล็กไม่เท่ากัน 
ริมฝีปากที่สวย สมบูรณ์แบบ เป็นที่ยอมรับกันเป็นสากล คือ ริมฝีปากล่างจะต้องหนากว่าริมฝีปากบนประมาณ 1 ใน 3 

 

ความสำคัญลำดับถัดมาคือ รอยหยักของริมฝีปากต้องยกขึ้นชัดเจนคล้ายคันศร หรือ ตัว M  
ในบ้านเราดู อั้ม พัชราภา ก็พอจะนึกภาพออกว่า ริมฝีปากบนที่สวย มีรูปร่างอย่างไร 


สุดท้ายการแก้ไฃทำให้ริมฝีปากสวยขึ้น คือ การปรับบริเวณมุมปากสองข้าง ให้เป็นมุมแหลมและยกขึ้นเล็กน้อยคล้ายกับเวลาอมยิ้ม
อันที่จริงนอกจากการเติมเต็มริมฝีปากด้วยฟิลเลอร์ เรายังสามารถใช้ลิปสติกธรรมดาช่วยได้ ซึ่งเป็นเทคนิคเดียวกันกับที่ช่างแต่งหน้ามืออาชีพเค้าทำกันนั่นเอง 

เท่านี้ เราก็สามารถมีริมฝีปากสวยกันทุกคน..เนอะ